วันพฤหัสบดีที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2556

น้ำมันพืชผ่านกรรมวิธี ภัยคุกคามสุขภาพตัวฉกาจ

น้ำมันพืชผ่านกรรมวิธี ภัยคุกคามสุขภาพตัวฉกาจ 
ข้อเท็จจริงเรื่อง น้ำมันมะพร้าวที่คนเอเซียโดนฝรั่งหลอก 
(มันหลอกโดยล้างสมองแพทย์สมัยใหม่ให้มาพูดต่อ มันได้ขายขนมกรุบกรอบ และสุดท้ายมันได้ขายยา)

ข้าพเจ้าอยากเตือนคนไทยทั้งหลาย โปรดสำรวจตนเองว่าท่านกินน้ำมันวันละกี่ซีซี มันระบายออกมาได้มากน้อยแค่ไหน 
ถ้าท่านไม่หยุดกิน โรคไต โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดและหัวใจ โรคภูมิแพ้ โรคความดันเลือดสูง โรคมะเร็ง ฯลฯ จะมาเยือนท่านไม่ช้าก็เร็ว

นิตยสารหมอชาวบ้าน ปีที่ ๒๕ ฉบับที่ ๒๙๑ ก.ค.๒๕๔๖ ลงบทความ "น้ำมันพืช ใช้อย่างไรให้ถูกต้องและปลอดภัย" แนะนำว่า 
การผัดอาหารควรใช้ น้ำมันพืชที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง เช่น น้ำมันทานตะวัน น้ำมันข้าวโพด น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันรำข้าว 
แต่หากจะทอดอาหารแล้วควรใช้ น้ำมันพืช หรือสัตว์ที่มีกรดไขมันอิ่มตัวสูง เพราะการทอดใช้ความร้อนสูง และจุดเดือดน้ำมันพืชประมาณ ๑๘๐ ํC จะเกิดสารเคมีที่เป็นพิษต่อร่างกายหลายชนิด เรียกรวมๆ ว่า โพลาร์คอมเพาวด์ (Polar Compound) สารเคมีชนิดนี้ ข้าพเจ้าเคยพบด้วยกลิ่นที่ ทำให้แสบจมูก มีพ่อค้าทอดขนมกุ๋ยไช่คนหนึ่ง มีอาการตาพร่ามัว จึงไปพบจักษุแพทย์ และได้รับคำแนะนำให้เลิกอาชีพขาย อาหารทอด อาหารผัดอย่างถาวร มิฉะนั้นจะตาบอดได้

ทำไมน้ำมันที่มีไขมันอิ่มตัวสูง อย่างน้ำมันหมู และน้ำมันมะพร้าว จึงเหมาะแก่การทอด? 
คำตอบก็คือ น้ำมันทั้งสองชนิดนี้เป็นน้ำมันที่มี กรดไขมันอิ่มตัวสูง (น้ำมันหมู ๔๐% น้ำมันมะพร้าว ๘๘%) 
มีสูตรโครงสร้างทางเคมีที่จับกับธาตุคาร์บอน (C) ในลักษณะแขนเดี่ยว (single bond) เมื่อโดนความร้อนสูงก็ทำให้อาหารกรอบ อร่อย ไม่มีสารเคมีเป็นพิษ 
และน้ำมันที่ใช้ทอดแล้วก็เก็บไว้ทอดซ้ำไม่ได้เพราะจะดำและเหม็นหืน ซึ่งผิดกับน้ำมันพืชอื่นๆ ซึ่งมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง ซึ่งมีโครงสร้างเคมีเป็น แขนคู่ (double bond) 
ในการจับกับธาตุคาร์บอน จึงสามารถจับกับธาตุไฮโดรเจนเพิ่มได้อีก ๒ อะตอม จึงเหมาะกับการเติมไฮโดรเจน (Hydrogenation) ซึ่งเรียกว่า Trans Fatty Acid (TFA)

"Trans" นี้เป็นผลลัพท์ของความพยายามที่จะทำให้น้ำมันพืช มีลักษณะเหมือน น้ำมันที่มีกรดไขมันอิ่มตัวสูง ที่ทำให้อาหารทอด กรอบอร่อย แต่ปัญหาที่ตามมาคือ ความเสี่ยงในการเป็นโรคอ้วน โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคไต โรคเบาหวาน มะเร็งเต้านม เพราะน้ำมันพืชที่ผ่านกรรมวิธีเหล่านี้ไม่สามารถขับออกจากร่างกายได้ง่ายๆ เหมือนน้ำมันมะพร้าวที่ละลายน้ำได้ บางคนที่เป็นปู่ย่าตายายในขณะนี้ (อายุ ๗๐ ปีขึ้นไป) จะบอกกล่าวว่า พ่อแม่ของท่านใช้น้ำมันหมู และน้ำมันมะพร้าวทำอาหาร และท่านก็มีอายุถึง ๙๐ ปีกว่าก่อนเสียชีวิต ไม่ได้กินน้ำมันพืชผ่านกรรมวิธีเลย แต่ก็มีอายุยืนยาวได้ 

ในทางกลับกัน คนไทยในสมัยนี้กินน้ำมันพืชผ่านกรรมวิธีมานานกว่า ๓๐ ปี กลายเป็นโรคเบาหวานกันทั่วประเทศ ทุกหมู่บ้าน เด็กๆ ก็กลายเป็นโรคอ้วน เบาหวานในเด็กก็ลุกลามใหญ่โต จนในปีนี้องค์การเบาหวานโลก ได้เน้นการรณรงค์ เบาหวานในวัยรุ่น ปีหนึ่งๆ จะมีผู้ป่วยเบาหวานเพิ่มขึ้นในโลกไม่น้อยกว่า ๕ ล้านคน

สารเคมีที่กินเข้าไปคือ polar compound ยังไม่มีใครประกาศออกมาเลยว่ามีผลร้ายอย่างไร แต่ที่แน่ๆ คือ มันหนืดเมื่อโดนความร้อนสูง และติดหนึบหนับในลำไส้เล็กของเรา จนทำให้ประสิทธิภาพการดูดซึมสารอาหารที่ละลายน้ำ เช่น กรดอมิโน วิตามินบี ซี หายไปมาก เป็นต้นเหตุของการเจ็บป่วยต่างๆ โดยเฉพาะการเจ็บป่วยแบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งยากต่อการสังเกตเห็นบางคนอาจจะสงสัยว่าทำไมเชียร์แต่น้ำมันหมูและน้ำมันมะพร้าวเคี่ยวเอง น้ำมันปาล์มก็มีระดับกรดไขมันอิ่มตัวสูงถึง ๔๘% ไม่เหมาะกับการทอดหรืออย่างไร?

จริงๆ แล้วก็เหมาะสมแต่น้ำมันปาล์มที่ขายอยู่นั้นผ่านกรรมวิธี จำเป็นต้องผ่านกระบวนการ
- ฟอก สี (bleached) เพื่อให้สีดูสวย สดใส
- แต่งกลิ่น (deodorized) เพื่อให้ไม่มีกลิ่นหื มีกลิ่นตามที่ต้องการ
- ใส่ ไฮโดรเจน (hydrogenated) เพื่อให้ทอดอาหารได้กรอบขึ้น และเก็บได้นานโดยไม่มีกลิ่นหืน



จึงมี polar compound เมื่อทอดน้ำมันพืชที่ได้จากการสกัดแบบธรรมชาติ คือ หีบเย็น (Cold press) หรือ การบีบคั้น
โดยไม่ใช้ความร้อนส่วนใหญ่แล้วดี มีคุณค่าทางโภชนาการ แต่เมื่อเอาไปดัดแปลงทางเคมี เติมไฮโดรเจนเข้าไปก็เลย
เป็นโทษ น้ำมันพืชที่หีบเย็นถ้านำมากินโดยไม่ผ่านการผัด การทอดก็จะได้สารต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย สปาหลายแห่ง
จึงนำไปใช้เสริมสวย บำรุงผิวให้ลูกค้า



นิตยสาร"เกษตรกรรมธรรมชาติ" ฉบับ ๒/๒๕๔๘ บทความพิเศษ "น้ำมันมะพร้าว และกะทิเป็นอันตรายหรือเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ "โดย ดร.ณรงค์ โฉมเฉลา กล่าวไว้ว่า 
"น้ำมันมะพร้าว เป็นน้ำมันพืชที่ประเทศต่างๆ ในเอเซียและแปซิฟิคใช้เป็นแหล่งพลังงานและการหุงหาอาหารมาช้านาน โดยไม่ปรากฎอาการของโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน 
จากรายงานขององค์การสหประชาชาติ เมื่อปี ๒๕๒๑ ประเทศศรีลังกาเป็นเทศที่ใช้น้ำมันมะพร้าวมากที่สุดประเทศหนึ่ง มีอัตราการตายจากโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตันเพียง 
๑/๑๐๐,๐๐๐ เปรียบเทียบกับ ๑๘๗/๑๐๐,๐๐๐ ในประเทศที่ไม่ได้ใช้น้ำมันมะพร้าว"

ดร.ณรงค์ยังกล่าวด้วยว่า "น้ำมันมะพร้าวไม่ได้เปลี่ยนแปลงระดับโคเลสเตอรอลในเลือด เนื้อมะพร้าวกับน้ำมะพร้าวลดระดับโคเลสเตอรอลอย่างมีนัยสำคัญ 
น้ำมันมะพร้าวเพิ่มปริมาณของ High density lipoprotein (HDL) ได้มากกว่าน้ำมันถั่วลิสง น้ำมันมะพร้าวไม่เพิ่มอัตราส่วนของ LDL ต่อ HDL ในขณะที่ไปลดระดับของไตรกลีเซอไรด์" 

วันศุกร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

น้ำมันปลาที่ดีต้องเป็นอย่างไร?

น้ำมันปลาที่ดี คือ น้ำมันปลาที่อาศัยอยู่ในทะเลขั้วโลกเหนือซึ่งมีน้ำทะเลเย็นจัดจึงอุดมไปด้วย Omega 3 
หรือ Alpha-Linolenic acid และมีบางยี่ห้อผสมกับ น้ำมันมะกอกๆ นั้นอุดมไปด้วย Omega 9 หรือ Oleic acid
จึงช่วยเพิ่มคุณภาพให้ดียิ่งขึ้น

         น้ำมันปลาที่ดี คือ ไขมันชนิดไม่อิ่มตัว มีกรดไขมันจำเป็นๆ น้ำมันที่ให้พลังงานกับร่าง
กายคล้ายกับไขมันทั่วๆไป แต่ยังมีคุณภาพพิเศษที่ทำให้สุขภาพของเราดีเยี่ยมได้ด้วย คือ การป้อง
กันและรักษาอาการตีบตันของหลอดเลือดหัวใจ เป็นสาเหตุการตายอันดับต้นๆ ในปัจจุบัน

อาการการตีบตันของหลอดเลือด จะประกอบด้วยปัจจัยหลายอย่าง ได้แก่ 
1. ความอ้วน 2. ความดันสูง 3. ไขมัน ในเลือดสูง 4. เบาหวาน 5. ความเครียด

          ถ้าน้ำมันปลา แก้ปัญหาของโรคเหล่านี้ได้จริง ทำไมคนไทยยังป่วยด้วยโรคเหล่านี้อีก? ทั้งๆ ที่ภายในประเทศเราก็มีน้ำมันปลาวางขายกันอยู่มากมาย ปัญหาคือ น้ำมันปลาที่วางขายอยู่ในประเทศไทย ส่วนใหญ่ไม่ใช่น้ำมันปลาทะเลขั้วโลก แต่เป็นน้ำมันปลาทะเลในเขตอบอุ่นทั่วไป จึงไม่มีกรดไขมัน 
โอเมก้า 3-9, EPA และ DHA มากพอที่จะไปจัดการ LDL-Cholesterol และ Triglycerides ที่สะสมอยู่ในหลอดเลือดได้ทันต่อโรค

การพิสูจน์ที่ทำได้โดยง่าย ว่าน้ำมันปลาที่คุณซื้อมานั้น มีกรดไขมัน โอเมก้า 3-9, EPA และ DHA มากพอหรือไม่? ทำได้โดยการตัดซอฟท์เจล ของน้ำมันปลาแล้วหยดมันลงบนกล่องโฟมใส่อาหาร ถ้าสามารถทำให้กล่องโฟมนั้นละลายจนทะลุได้ ก็ถือว่าคุณภาพดีมากครับ

หลักการและหน้าที่ของ Omega 3 และ Omega 9 เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วก็จะถูกเปลี่ยนเป็น EPA (Eicosapentaenoic Acid) และ DHA (Docosahexacnoic Acid) EPA จะไปช่วยลด LDL-Cholesterol และ Triglycerides ส่วนเกินที่อยู่ในเลือด และที่เกาะอยู่ตามผนังหลอดเลือดออกไปเผาผลาญที่ตับ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มระดับ HDL-Cholesterol) ในเลือดให้สูงขึ้น และ EPA นั้นร่างกายเรายังนำไปสร้างอีก 2 อย่างคือ 1. Prosta glanding-3 ซึ่งทำให้เกร็ดไม่เกาะกัน 2. Tromboxan-3 นั้นช่วยลดการจับเกาะกันของเกร็ดเลือด สรุปโดยรวม คือ ไม่ทำให้เลือดหนืดข้นหรือรวมกันเป็นลิ่มเลือด เลือดเหลวไม่แข็งตัวง่าย ทำให้เลือดไหลหมุนเวียนได้สะดวก ส่วน DHA นั้นส่วนหนึ่งของเซลส์สมอง จึงเท่ากับช่วยบำรุงสมองไปในตัว สรุปว่า น้ำมันปลาขั้วโลกนั้นสามารถป้องกันและรักษาโรคดังต่อไปนี้ โรคหลอดเลือดหัวใจอุดตันโดยไม่ต้องผ่าตัดหรือทำบอลลูน, โรคหลอดเลือดสมองตีบ (Stroke), อัมพฤกษ์ - อัมพาต (Paralysis) ในระยะเริ่มต้น, โรคเบาหวาน, ความดัน, ไขมันในเลือดสูง, มะเร็งปอด, ไมเกรน,  ไขข้ออักเสบ (รูมาตอยด์ หรือ เกาต์), และบรรเทาอาการของโรคสะเก็ดเงินได้ด้วย

อาการตีบตันของหลอดเลือดนั้นเกิดจากมีไขมันในเลือดสูง มีปัจจัยหลักดังนี้
1. ระดับไตรกลีเซอร์ไรด์ (Triglycerides) ในเลือดสูง
2. ระดับคลอเลสเตอรอลชนิดเลว (Low Density Lipoprotein Cholesterol หรือ LDL-Cholesterol) ในเลือดสูง
3. ระดับคลอเลสเตอรอลชนิดดี (High Density Lipoprotein Cholesterol หรือ HDL-Cholesterol) ในเลือดต่ำ

โรคหลอดเลือดสมองตีบ, สมองขาดเลือด (Stroke) จำเป็นต้องถึงเข้าถึงการรักษาภายใน 3 ชั่วโมง
หากผู้ป่วยยังสามารถรับทานอาหารได้ก็ให้รีบรับทานน้ำมันปลาคุณภาพดีๆ นั้นสัก 5 เม็ดเลยครับ


วิธีรับประทานๆ ครั้งละ 1-2 แคปซูล ก่อนหรือพร้อมอาหาร เช้า กลางวัน เย็น 

ข้อควรระวัง : ควรปรึกษาแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร, ควรทานแต่น้อยหากแพ้อาหารทะเล ควรเก็บในที่แห้งและเย็น
ไม่ควรรับประทานน้ำมันปลาก่อนมีการผ่าตัด 3 สัปดาห์ เพราะน้ำมันปลาทำให้เลือดแข็งตัวยาก

การเลือกซื้อน้ำมันปลา นั้นให้ดูที่ฉลากครับ คือ 1 ซอฟท์เจล หนักกี่มิลลิกรัม
      ถ้าขนาดไม่เกิน 1,000 มิลลิกรัม น้ำหนักของซอฟท์เจลเองจะหนักอยู่ประมาณ 60-100 มิลลิกรัม
      ถ้าขนาดเกิน 1,000 มิลลิกรัม น้ำหนักของซอฟท์เจลเองจะหนักอยู่ประมาณ 100-120 มิลลิกรัม
รายละเอียดของกรดไขมันที่เป็นประโยชน์จริงๆ ว่ามีน้ำหนักเท่าไร ดังนี้     Omega-3 (Linolenic หรือ Alpha Linolenic Acid)  ?....มิลลิกรัม
     Omega-6 (Linoleic Acid)    ?....มิลลิกรัม
     Omega-9 (Oleic Acid)    ?....มิลลิกรัม
     EPA (Eicosapentaenoic Acid)   ?...มิลลิกรัม
     DHA (Docosahexacnoic Acid)   ?...มิลลิกรัม

     ให้นำน้ำหนักของกรดไขมันที่เป็นประโยชน์และน้ำหนักของซอฟท์เจลมารวมกันว่าได้เท่ากับน้ำหนักทั้งหมดของ 1 ซอฟท์เจล หรือไม่?
ถ้าไม่เท่ากันเป็นเพราะว่าการผลิตสินค้าของแต่ละบริษัทนั้นๆ ยังขาดเทคนิคและวิธีการที่ดีพอในการแยกกรดไขมันที่เป็นประโยชน์ให้บริสุทธิ์นั่นเอง
ฉะนั้นถ้าคุณรับประทานเข้าไปก็จะได้รับไขมันที่ไม่เป็นประโยชน์ร่างกายเข้าไปด้วย
     อย่างไรก็ตามใน 1 ซอฟท์เจลควรมีน้ำหนักของกรดไขมันที่เป็นประโยชน์มากกว่า 350 มิลลิกรัม และเมื่อนำไปทดสอบหยดลงบนกล่องโฟมใส่อาหาร แล้วทิ้งไว้นานกว่า 1 ชั่วโมง กล่องโฟมควรจะมีรอยยุบตัวบ้าง ถ้าไม่มีก็แสดงว่า ผลิตภัณฑ์ยี่ห้อนั้นๆ โฆษณาสินค้าเกินจริง และเอาเปรียบผู้บริโภค ไม่ควรอุดหนุน
     การทานน้ำมันปลาหรืออาหารเสริมอื่นๆ เรายอมจ่ายมากกว่าเพื่อป้องกันโรค หรือรักษาโรคในบางกรณี เราไม่ควรเลือกที่ราคาถูก เพราะของถูกและดีไม่มีในโลก เอาเป็นว่าราคาสมเหตุผลดีกว่าครับ

อยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม Forever Living Product.

เพื่อบรรเทาอาการของโรคร้าย เรื้อรัง เช่น มะเร็งต่างๆ,เบาหวาน, ความดันโลหิต, ไขมันในเลือด, โรคหัวใจ ฯลฯ ปรึกษาได้ครับ สุวรรณ 085-6856356